แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ หน่วยงานเครือข่ายพันธมิตรและชุมชนกลุ่มคนไข้ ได้แก่ ชมรมเบาหวานโรงพยาบาลจุฬาฯ ชมรมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแห่งประเทศไทย ชมรมผู้ป่วยมะเร็งแห่งประเทศไทย และชมรมผู้ป่วยโรครูมาตอยด์ จัดทำโครงการ “ให้ความรู้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถติดต่อได้” ภายใต้โครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ (#KnowMyRisk) ภายใต้การสนับสนุนของ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในเรื่องการเฝ้าระวังตนเองการเข้าถึงการดูแลรักษา และการฟื้นฟูตนเองอย่างเหมาะสมแก่ประชาชนในกลุ่มเสี่ยงสูง
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “การระบาดของโรคติดเชื้อ โควิด-19 ถือได้ว่าเป็นโรคระบาดใหญ่ทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันที่ประชาชนต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้ ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ รวมไปถึงระบบบริการสุขภาพที่ต้องปรับเปลี่ยนการให้บริการในการรักษาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และถึงแม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะผ่อนคลายลง และเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว แต่การเฝ้าระวังตนเอง และการป้องกันยังคงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด จากรายงานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังคงพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 อันเกิดจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส นอกจากนี้ยังพบอุบัติการณ์ของโรคจากระบบทางเดินหายใจที่สามารถติดต่อได้อื่น ๆ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ และปอดอักเสบ ซึ่งเชื้อก่อโรคที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ เหล่านั้นมีความรุนแรงแตกต่างกันขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละคน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเปราะบางที่มีโอกาสสูงที่เกิดอาการรุนแรงจากการติดเชื้อก่อโรคอันนำไปสู่โรคระบบทางเดินหายใจ ด้วยบทบาทของแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่เป็นสื่อกลางทำงานร่วมกับองค์กรทางการแพทย์ต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชนในการพัฒนามาตรฐานการให้การรักษาพยาบาลรวมถึงการสาธารณสุขของประชาชนทั้งประเทศ ทั้งมุ่งเน้นเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ และสาธารณสุขแก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถปฏิบัติตนให้ถูกต้อง ทั้งด้านการป้องกันและการรักษาโรค จึงยังคงเดินหน้าเตรียมความพร้อมอยู่เสมอในการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที โดยโครงการ “รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์” เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือเพื่อประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นโครงการนำร่องที่ดี ทุก ๆ ภาคส่วนต้องเดินไปพร้อมกันทั้งความพร้อมของเครื่องมือ ความพร้อมของบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน และการได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยได้เข้าถึงการดูแลรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด”
พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า “กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ยังคงเดินหน้าและพัฒนาระบบอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อดูแลประชาชนผู้ใช้สิทธิให้ได้รับการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นอย่างครอบคลุมและทั่วถึง โดยในปี 2566 นี้ สปสช. ได้เดินหน้ายกระดับบัตรทองอย่างต่อเนื่อง โดยการเพิ่มสิทธิประโยชน์บริการให้กับผู้ใช้สิทธิบัตรทองมากขึ้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการสาธารณสุข อาทิ เพิ่มการเข้าถึงยารักษามะเร็ง และนโยบายผู้ป่วยโรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ (Cancer Anywhere), เพิ่มการเข้าถึงบริการเบาหวานชนิดที่ 2, ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ สามารถเข้ารับการดูแลได้ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การให้คำปรึกษา บริการยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันทั้งก่อนและหลังการรับเชื้อ และบริการฟื้นฟูที่จำเป็นต่อการดูแล โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อดูแลสุขภาพให้กับคนไทยทุกคน และให้ได้รับสิทธิประโยชน์โดยทั่วถึง ครอบคลุมการรักษาได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และอยากให้คนไทยได้ตระหนักเห็นความสำคัญถึงการเป็นประชากรกลุ่มเสี่ยงฯ ซึ่งโครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ (#KnowMyRisk) ไม่เพียงแต่เป็นการสื่อสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลตนเองเท่านั้น แต่ยังทำให้รู้เท่าทันโรค รักษาได้ทันท่วงที ซึ่งโครงการฯ ดังกล่าว ยังแสดงให้เห็นถึงพลังความร่วมมือจากหลายภาคส่วนซึ่งนำไปสู่การทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้มากขึ้น”
นอกจากนี้ภายในงานพบกับตัวแทนเครือข่ายพันธมิตร ชุมชนกลุ่มคนไข้ ที่มาร่วมพูดคุยถึงบทบาทการสร้างเครือข่าย พร้อมแชร์ประสบการณ์ตรงในฐานะผู้ป่วย นำทีมโดย คุณศุภลักษณ์ จตุเทวประสิทธิ์ ประธานชมรมเบาหวานโรงพยาบาลจุฬาฯ คุณอรวรรณ โอวรารินท์ ประธาน และผู้ร่วมก่อตั้งชมรมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแห่งประเทศไทย คุณไอรีล ไตรสารศรี ผู้ก่อตั้งอาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บายไอรีล และรองประธานชมรมผู้ป่วยมะเร็งแห่งประเทศไทย และ ผศ.นุชรินทร์ ศศิพิบูลย์ ประธานชมรมผู้ป่วยโรครูมาตอยด์
อนึ่ง โครงการให้ความรู้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถติดต่อได้ ภายใต้โครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ (#KnowMyRisk) เป็นหนึ่งในโครงการที่ริเริ่มและดำเนินการ โดยแพทยสมาคมฯ ซึ่งได้รับความร่วมมือร่วมใจจากหลากหลายภาคี โดยหวังว่าจะสามารถส่งผลสำเร็จ รวมถึงสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชน ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถติดต่อได้ รวมถึงกลุ่มเปราะบาง ได้เข้าถึงการรักษา และเข้ารับวัคซีนได้อย่างเหมาะสม เพื่อลดความรุนแรงของโรค และลดการเสียชีวิต
No comments:
Post a Comment