ม.เกริก นำเยาวชนไทยมุสลิม กว่า 150 คน บินลัดฟ้า เรียนรู้แลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมอาหรับ ในโครงการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมอาหรับ ณ นครมักกะห์ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย เพื่อ พัฒนาศักยภาพด้านภาษาอาหรับ และร่วมกิจกรรมเรียนรู้วัฒนธรรม พร้อมชูเป็นต้นแบบเยาวชนรุ่นใหม่เชื่อมสัมพันธ์สู่ตะวันออกกลาง
มหาวิทยาลัยเกริก โดยวิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยอุมมุลกุรอ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย จัดโครงการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมอาหรับ โดยมี ดร.สราวุธ และซัน ผู้ช่วยรองอธิการบดีฝ่ายการต่างประเทศ และรองคณบดีวิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ พร้อมด้วย อ.นันทวัฒน์ มะลา หัวหน้าสาขาวิชาบริหารธุรกิจอิสลาม วิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ และ อ.ศรสวรรค์ มะหะหมัด รองหัวหน้าศูนย์ภาษาอาหรับกรุงเทพ และอาจารย์ประจำสาขาวิชาบริหารธุรกิจอิสลาม วิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ มหาวิทยาลัยเกริก ร่วมเดินทางพร้อมเยาวชนไทยมุสลิมกว่า 150 คน เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการดังกล่าว รวมระยะเวลาตลอดโครงการฯ 30 วัน
ดร.สราวุธ และซัน ผู้ช่วยรองอธิการบดีฝ่ายการต่างประเทศ และรองคณบดีวิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพกล่าวว่า “โครงการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมอาหรับ ปีนี้ จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 เป็นโครงการที่มีความร่วมมือกันหลายฝ่าย โดยทางประเทศไทยได้แก่ วิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ มหาวิทยาลัยเกริกและบริษัทริยาฮัด จํากัด ร่วมกับ มหาวิทยาลัยอุมมุลกุรอ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียโดย มีระยะเวลาดำเนินโครงการทั้งสิ้น 30 วัน หรือ 1 เดือน โดยตลอดระยะเวลา 1 เดือน กิจกรรมหลักในโครงการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมอาหรับครั้งนี้ กลุ่มเยาวชนที่ร่วมโครงการฯก็ได้มีโอกาสเรียนรู้ภาษาอาหรับซึ่งเป็นหลักสูตรเฉพาะแก่ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาโดยตรง ณ มหาวิทยาลัยอุมมุลกุรอ นครมักกะห์ โดยมีรูปแบบการเรียนการสอน ในหลักสูตรภาษาอาหรับที่เหมาะสำหรับผู้เรียนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาโดยเฉพาะ โดยจะมีการแบ่งลำดับชั้นของการเรียน ตามทักษะพื้นฐานภาษาอาหรับของผู้เรียน ซึ่งทำการสอนโดยอาจารย์มหาวิทยาลัยอุมุลกุรอ ที่มีความชำนาญด้านการสอนภาษาอาหรับแก่ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาโดยเฉพาะ
ซึ่งการเรียนการสอนไม่เจาะจงเฉพาะที่การเรียนรู้ทักษะภาษาอาหรับเท่านั้น แต่ยังปรับรูปแบบให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ภาษาผ่านวัฒนธรรมอาหรับผ่านการทำกิจกรรมต่างๆให้เหมาะสมแก่ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาโดยเฉพาะ และยังมีโอกาสเสริมประสบการณ์เรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมอาหรับที่แท้จริงด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้การอ่านกรุอ่านที่ถูกต้อง การพูด อ่าน เขียนเเละฟังภาษาอาหรับจากเจ้าของภาษา
สำคัญที่สุด คือ เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้มีโอกาสประกอบพิธีอุมเราะห์ เเละปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์บนเเผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ในสองมัสยิดที่สําคัญที่สุดในศาสนาอิสลาม มัสยิดฮารอม ณ มหานครมักกะห์ เเละมัสยิดอัลนะบะวีย์ ณ นครมาดีนะห์ อีกทั้งยังได้มีโอกาสเข้าสลามแก่ท่านนบีมูฮัมหมัด (ซล.) และเยี่ยมชมและทำการละหมาด ณ นครมาดีนะห์ พร้อมทั้งพาทัศนศึกษาสถานที่สำคัญต่างๆ ทางปนะวัติศาสตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับทางนบีมูฮัมหมัด (ซล.) อาทิเช่น มัสยิดกุบาอ์ มัสยิดกิบละตัยน์ สมรภูมิอุฮุด
อีกทั้งยังได้เรียนรู้การอ่านอัลกุรอ่านที่มัสยิดฮารอม กับเชคผู้เชี่ยวชาญด้านการอ่านกรุอ่านเเละการท่องจํา โดยได้รับบัตรผ่านเข้าประตูเป็นกรณีพิเศษสำหรับการเรียนอัลกุรอ่าน พร้อมได้รับใบประกาศนียบัตรการเรียนอัลกรุอ่าน และได้ร่วมพิธีรับใบประกาศนียบัตร สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรภาษาอาหรับ มหาวิทยาลัย Umm Al-Qura University ณ นครมักกะห์ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียอีกด้วย
เป็นโอกาสดีๆที่ได้ต่อยอดเรียนรู้ภาษาอาหรับและวัฒนธรรมของอาหรับ ได้ทบทวนการารอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุ ได้เรียนรู้การทำพิธีทางศาสนาอิสลาม ตลอดจนได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆในเรื่องภาษาวัฒนธรรม มีโอกาสเรียนรู้การใชชีวิตแบบชาวอาหรับ ได้ใช้ภาษาจริงๆในสถานการณ์จริงตามสถานที่ต่างๆ เช่น การซื้อของที่ตลาดหรือกิจกรรมต่างๆที่เป็นความรู้จากการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในสถานที่จริง ถือว่าเป็นประสบการณ์และโอกาสที่ดีมากครับ”
ด.ช. นาญิบ เส็นอูน ซึ่งกำลังศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนจริยะธรรมศึกษามูลนิธิ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ได้กล่าวเสริม “ ผมยินดีมากที่ได้ร่วมโครงการฯ ครั้งนี้ และรู้สึกว่าเป็นโครงการที่ทำให้เด็กและเยาวชนไทย ได้มีโอกาสไปเปิดโลกให้กว้างมากขึ้น จากการเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆที่มีประวัติทางศาสนา ซึ่งไม่เคยเห็นและไม่เคยไปมาก่อน ทำให้รู้สึกว่าได้เปิดโลกให้ตัวเองในอนาคต ต่อไปอยากไปอีกเราก็สามารถไปได้ เพราะมีประสบการณ์แล้ว โครงการแบบนี้อยากให้ทำต่อไปอีก อยากให้ต่อยอดครับปีหน้าหวังว่าจะได้ไปอีก รู้สึกประทับใจที่ได้เข้าร่วมพิธีอุมเราะห์ ซึ่งเป็นการแสวงบุญและพิธีทางศาสนากิจทางศาสนาในเเผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ถึงสองมัสยิดที่สําคัญที่สุด รวมึงได้เรียนรู้วัฒนธรรมทางประวัติศาสตร์จากการเยี่ยมชมสถานที่จริง เรียนรูการเป็นอยู่ตามแบบชาวอาหรับจากประสพการณ์เรียนรูจากสถานการณ์จริง ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางไกลไม่มีพ่อแม่ไปด้วยแต่ก็รู้สึกดีมากเพราะอาจารย์ทีมงานทุกท่านต่างดูแลผมและทุกคนเป็นอย่างดีเหมือนครอบครัว อยากให้จัดโครงการแบบนี้อีก เพราะเป็นโอกาสในการเปิดโลกสร้างประสบการณ์ที่ดีมากๆครับ
No comments:
Post a Comment